CLOCK LIFE
คุณรู้ไหมทำไมนาฬิกาถึงต้องมี 3 เข็ม เพราะมันคือเวลาของมนุษย์ ได้แก่ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต เข็มบอกนาทีคือเข็มที่ยาวที่สุดมันบอกถึงอดีต มนุษย์จะจดจำอดีตที่ตนเองผ่านมาเนิ่นนานที่สุดและสัญชาติญาณของมนุษย์คือนั่งเฝ้ารอมันและบ้างคนอยากหมุนมันกลับไปจากตัวเลขที่ผ่านมา ทั้งๆที่รู้ว่าแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังนั่งเฝ้าจะย้อนมันกลับมาในขณะที่เข็มวินาทีัมันคือตัวแทนปัจจุบันแถมยาวเท่ากันกับเข็มนาทีอีกแถมมันยังเดินเร็วแล้วผ่านรอบหนึ่งก็กระดิกเข็มนาทีได้ทีหนึ่งนั่นก็คือ อดีตที่กำลังเกิดขึ้นนั้นสิ่งที่ควบคุมมันคือเข็มวินาทีที่ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆตามหน้าที่ของมันและแล้วทุกอย่างที่เคยเป็นปัจจุบันก็ล้วนแต่เป็นอดีตทั้งสิ้น มันอาจต้องผ่านมาพบกับอดีตที่แสนหวานหรืออดีตที่แสนขมก็ขึ้นอยู่กับทุกการกระทำของวินาที ส่วนเข็มชั่วโมงล่ะเหตุใดถึงสั้นหนักทั้งๆที่มันคือโลกแห่งอนาคตที่กว้างไกล ถ้าหากคุณคิดเช่นนั้น ผมคงไม่เถึยงเพียงแต่ในแง่ของผม อนาคตมันไม่ได้กว้างไกลเลย ไม่รู้เลยว่าจะถึงเมื่อไร อาจจะสิ้นสุดลงก่อนก็ได้ ใช่ไหม? คุณเคยคิดเหมือนผมไหมแล้วทำไมเข็มนาฬิกาที่พูดถึงคนถึงให้ความสำคัญทั้ง 3 เข็มเท่าๆกันโดยไม่รู้ตัว เพราะทุกอย่างจะต้องเดินไปด้วยกันอย่างสอดคล้องและลงตัว และยังมีสิ่งหนึ่งที่นาฬิากาทำได้แต่มนุษย์ไม่อาจทำได้ นั่นคือ..การหยุดเวลา นาฬิกาเราอาจหยุดเข็มวินาทีได้ แต่ในโลกความเป็นจริงเข็มวินาทียังคงหน้าทีของมันต่อไป ดังนั้นวันนี้คนที่ยังเฝ้ามองนาฬิากาก็จงเดินถอยออกมาแล้วเดินหน้าตามเข็มวินาทีตนเอง ทำทุกวินาทีให้ตนเองมีค่าเสมอแม้จะต้องเหนื่อยก็ตาม
จากการเรียนวิชาเตรียมฝึกผ่านมาหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาประมาณ5-6 อาทิตย์ได้แล้วมั้ง ตอนนี้กลายเป็นวิชาที่หน้าตื่นเต้น ได้เรียนในสิ่งที่ไม่เคยเรียนเลย รับรู้ในมุมที่อยู่นอกตำราตลอดเวลา และก็เป็นวิชาที่เต็มไปด้วยเรื่องทำให้ขนลุกขนพองตลอด ตอนทำนิทรรศการรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เครียดแต่ก็พยายามทำเต็มที่อาจจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการไปเสียทุกอย่างเพราะต้องรับผิดชอบอีกงานหนึ่ง(เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง) ผลที่ได้รับไม่ได้ดีเท่าที่ฝันไว้แต่ก็ผ่านไปตามที่หวัง เหนื่อยนะแต่รู้สึกว่าได้ทำอะไรเต็มที่เป็นวิชาที่ฝึกการบริหารไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือคนอื่น จากชีวิตที่เป็นหัวหน้าห้องมา 4 ปี เข้าไปปีที่5นี่ล่ะเหนื่อยสุดๆ เจอคนมากขึ้น เรื่องก็ดันเยอะขึ้นตาม แต่ก็เป็นการได้พบได้พัฒนา และสอนให้เรารู้ว่าตัวเราเองไม่เก่งเหนือใครถึงแม้จะมีความรับผิดชอบมากเท่าไรแต่ความสำคัญก็เท่ากันตรงที่ว่าเราคือผู้ที่จะทำงานงานๆหนึ่งให้สมบูรณ์และดีที่สุดโดยไปพร้อมๆกัน
หลังจากที่ Google เปิดให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดบราวเซอร์น้องใหม่อย่าง Google Chrome ก็ได้รับความสนใจจากผู้ใช้ทั่วโลกอย่างถล่มทลาย ชนิดที่เรียกได้ว่า เซิร์ฟเวอร์ที่เปิดให้ดาวน์โหลดถึงกับเดี้ยงไปเลย อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นเวอร์ชันทดสอบเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า มันย่อมมีข้อบกพร่อง หรือคุณสมบัติบางอย่างที่ควรจะได้รับการปรับปรุงแก้ไข
นายเกาหลาขอข้ามเรื่องของทิปเทคนิคการใช้งานไปก่อนนะครับ ขอลองเล่นอีกสักพัก ตอนนี้มาอัพเดตข่าวเกี่ยวกับจุดอ่อนของการทำงานกันก่อนดีกว่า ล่าสุด Peter Svensson นักเขียนสายเทคโนโลยีจากสำนักข่าว AP ได้ออกมาเปิดเผยประสบการ์ณในการใช้งานว่า บราวเซอร์ Google Chrome มีจุดเด่นในเรื่องเลย์เอาต์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ การจัดวางแท็บไว้ด้านบนสุด ตลอดจนการลดความซับซ้อนของเครื่องมือในการใช้งาน พร้อมเสิร์ฟด้วยหน้าเว็บไซต์ขนาดเล็กที่ทำให้เราทราบว่า เว็บไซต์โปรดของเรามีการอัพเดต หรือเปล่า ก่อนตัดสินใจคลิกเข้าไปดูหน้าเต็มๆ จะได้ไม่เสียเวลา
Google Chrome เรียบง่าย และดูน่าใช้มากๆ
เหตุผลที่ Google ปล่อย Chrome ออกมาก็คือ พวกเขาต้องการบราวเซอร์ที่สามารถจัดการกับเว็บแอพพลิเคชันต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเว็บแอพพลิเคชันต่างๆ ของ Google เอง ไม่ว่าจะเป็น Google Doc, Google Spreadsheet ตลอดจน Gmail ซึ่งจะว่าไป บราวเซอร์อย่าง IE ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ก็สามารถทำงานร่วมกับเว็บแอพฯ เหล่านี้ได้อย่างดีอยู่แล้ว
Google Chrome ใช้ cpu time และทรัพยากรระบบมาก เมื่อรัน Flash
คราวนี้มาดูที่จุดอ่อนที่นายปีเตอร์พบระหว่างการทดลองใช้ Google Chrome นั่นก็คือ การทำงานร่วมกับแฟลช(Flash) โดยเขาพบว่า เมื่อเปิดแท็บของเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีการใช้แฟลช ซึ่งรวมถึงแฟลชวิดีโอเพลยเยอร์ อย่างเช่นใน YouTube หรือเว็บไซต์วิดีโอต่างๆ ปรากฎว่า Google Chrome จะใช้ cpu time ค่อนข้างมาก แถมยังต้องการทรัพยากรของระบบมากอีกด้วย(สังเกตจาก Processes ของมันใน Task Manager) ปัญหานี้จะเหมือนกับที่พบใน Firefox ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องดีสักเท่าไร นายปีเตอร์ยังแอบหยอดให้ไมโครซอฟท์เล็กๆ ว่า IE8 รุ่นทดสอบ สามารถจัดการกับแฟลชได้ดีกว่า สำหรับคุณผู้อ่านที่ได้ดาวน์โหลดไปลองใช้บ้างแล้ว รู้สึกอย่างไรก็สามารถแสดงความคิดเห็นกันมาได้เลยนะครับ
แหล่งที่มา :
http://www.arip.co.th/2006/news.php?id=407706